ต้นกำเนิด “อุตสาหกรรมนมไทย” มาจากพระราชดำริของ ร.๙
เรื่อง “ต้นกำเนิดอุตสาหกรรมนมไทย” นั้น สืบย้อนไปได้ถึง พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเลี้ยงโคนมในประเทศไทย
.
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประเทศไทยเริ่มมีการทดลองเลี้ยงโคนมเป็นครั้งแรก โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นำเข้าโคนมพันธุ์ต่างประเทศมาทดลองเลี้ยง แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จนัก เพราะสภาพอากาศไม่เหมาะสม
.
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ (ค.ศ. 1952) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯ เยือนประเทศเดนมาร์ก ซึ่งขณะนั้นเป็นประเทศต้นแบบด้านโคนมและอุตสาหกรรมนมโลก พระองค์ทรงศึกษาแนวทางการเลี้ยงโคนม การจัดการฟาร์ม และการแปรรูปนมอย่างใกล้ชิด
.
เมื่อเสด็จกลับประเทศไทย พระองค์ได้พระราชทานแนวคิดให้ กองทัพบก จัดตั้ง “โครงการทดลองเลี้ยงโคนม” ขึ้นที่จังหวัดสระบุรี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และทดลองพัฒนาพันธุ์โคนมในสภาพอากาศของไทย
.
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ รัฐบาลเดนมาร์กได้ถวายโคนมจำนวนหนึ่งให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อสนองพระราชดำริดังกล่าว โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจากรัฐบาลเดนมาร์กและจัดตั้งเป็น “โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมนมไทย–เดนมาร์ก” ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น ฟาร์มโคนมไทย–เดนมาร์ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้
.
พระองค์ทรงพระราชทานพระราชดำรัสเปิดฟาร์มนี้เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2505 วันที่ถูกถือเป็น “วันโคนมแห่งชาติ” ของไทยในปัจจุบัน
.
ฟาร์มไทย–เดนมาร์กไม่เพียงเป็นศูนย์ทดลอง แต่ยังเป็นแหล่งอบรมเกษตรกรทั่วประเทศให้รู้จักการเลี้ยงโคนมเชิงพาณิชย์ ต่อมามีการจัดตั้ง สหกรณ์โคนมแห่งแรก ที่มวกเหล็ก และขยายไปยังหลายจังหวัด เช่น ราชบุรี ลพบุรี นครราชสีมา และเชียงใหม่
.
ระบบสหกรณ์นี้กลายเป็นรากฐานของ อุตสาหกรรมนมพาณิชย์ของไทย ซึ่งต่อมาพัฒนาไปสู่การตั้งบริษัทผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ เช่น นมไทย–เดนมาร์ก, นมโฟร์โมสต์, และนมหนองโพ ที่สืบทอดมาตรฐานจากต้นแบบเดิม
.
แนวคิด “โคนมเพื่อเกษตรกร” ของรัชกาลที่ 9 ไม่ใช่เพียงเพื่อให้คนไทยดื่มนม แต่เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
.
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมนมของไทยมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทต่อปี และยังเป็นส่วนสำคัญของโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน ซึ่งก็ถือเป็นผลสืบเนื่องจากพระราชดำริครั้งนั้นเช่นกัน
.
พูดง่าย ๆ คือ “นมไทยทุกกล่องที่คนไทยดื่มอยู่ทุกวันนี้ ล้วนมีรากมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙” ทั้งในด้านการพัฒนาเกษตร การศึกษา และเศรษฐกิจฐานราก
.
#อัษฎางค์ยมนาค
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้