‘เถ้าแก่น้อย’ ลุยสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งรับซีเกมส์ อัดฉีดทีมชาติไทย หนุนคว้าเหรียญทองเบสบอล

“เถ้าแก่น้อย” ติดอาวุธ Sport Marketing เกาะกระแสซีเกมส์ครั้งที่ 33 สร้างแบรนด์เจาะคนรุ่นใหม่ ขยายฐานสู่ GenZ อัดฉีดเงิน 1.55 ล้านบาท หนุนทีมเบสบอลไทยคว้าเหรียญทอง รับกระแสกีฬาเบสบอลเริ่มฮิต

.

ภาพใหญ่ของมหกรรมกีฬาแห่งชาวอาเซียน “ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ.2568” อาจดูไม่คักคัก และเต็มไปด้วยดรามามากมาย ทั้งการประชาสัมพันธ์ เบี้ยนักกีฬา พิธีเปิด แม้กระทั่งการแข่งขันกีฬาบางประเภทที่ “นักกีฬาเจ้าภาพ” ทำเสียชื่อเสียงประเทศไทย

ทว่า อีกด้านฝั่งเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจมีการร่วมสนับสนุน(สปอนเซอร์) จำนวนมาก ซื้อแพ็คเกจต่างๆ เพื่อให้แบรนด์เกิดการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคชาวอาเซียน ผ่านกลยุทธ์การตลาดเชิงกีฬาหรือ Sport Marketing

.

นอกจากเป็นสปอนเซอร์การแข่งขัน จะเห็นว่าแบรนด์สินค้าต้องการมีส่วนร่วมหรือ Engage กับ Sport Marketing หลากรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือ “เบอร์ 1 สแน็คสาหร่าย” อย่าง “เถ้าแก่น้อย” ที่ล่าสุด ขอเดินหน้ากลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งอัดเม็ดเงินสนับสนุนสมาคมเบสบอลไทย สำหรับการสู้ศึก “ซีเกมส์ครั้งที่ 33” เพื่อให้คว้าเหรียญทองได้อีกครั้งในรอบ 18 ปี

.

นางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เถ้าแก่น้อยต้องการตอกย้ำความตั้งใจที่จะเคียงข้างวงการกีฬาไทยอย่างจริงจัง จึงเดินหน้าสนับสนุนทีมชาติไทยชุดเบสบอลเพื่อสู้ศึกกีฬาอาเซียนครั้งนี้ โดยเชื่อการร่วมผลักดันจากภาคเอกชนจะเป็นแรงสำคัญที่ช่วยให้ทัพนักกีฬาไทยสามารถสร้างผลงานยอดเยี่ยม และนำความภาคภูมิใจกลับสู่คนไทยได้ทั่วประเทศ

.

สำหรับกีฬาเบสบอลเป็นกีฬาที่เป็นการผสมผสานระหว่าง ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และ การตัดสินใจด้านกลยุทธ์อันแยบยลให้เหมาะสมกับสถานการณ์ พร้อม ชิงไหวชิงพริบ ระหว่างฝ่ายรุกและฝ่ายรับ ซึ่งมีความสนุกสนานจากการวางแผนเกม การต่อสู้ของนักกีฬา และการโต้ตอบที่น่าตื่นเต้น พร้อมทั้งสะท้อนพลังของทีมเวิร์ค วินัย และความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ ซึ่งมีความสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์ เถ้าแก่น้อย เป็นอย่างมาก

.

เมื่อบริษัทเล็งเห็นศักยภาพของนักกีฬาไทยชุดนี้ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจและความทุ่มเท จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ทีมสามารถก้าวขึ้นไปอีกระดับบนเวทีนานาชาติ ซึ่งนอกจากการสนับสนุนด้านกำลังใจและทรัพยากรแล้ว เถ้าแก่น้อยยังตั้งเป้าช่วยผลักดันให้กีฬาเบสบอลเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากเชื่อว่าเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์และมีโอกาสพัฒนาได้อีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่สามารถต่อยอดสู่เส้นทางนักกีฬาอาชีพได้ในอนาคต

อีกด้านฐานแฟนกีฬาคนรุ่นใหม่หรือเจนเนอเรชันซี(GEN Z) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าของ “เถ้าแก่น้อย” ที่ชื่นชอบกีฬาเฉพาะกลุ่มในหลากหลายประเภทชนิดกีฬา เช่นอเมริกัน ส่วนกีฬาเบสบอลก็เริ่มเป็นกระแสและได้รับความนิยมในกลุ่มนักเรียนมัธยมและโรงเรียนนานาชาติในไทย สอดคล้องกับพันธกิจของแบรนด์ในการพาแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย

.

“การสนับสนุนครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญของความร่วมมือจากภาคเอกชนที่มีต่อวงการกีฬาไทย ซึ่งอาจกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ไทยก้าวสู่ความสำเร็จในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ภาพรวมวงการกีฬาไทยกำลังมีความเคลื่อนไหวที่หลากหลายและเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลายชนิดกีฬากำลังได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ แต่ยังมีบางประเภทที่ต้องการงบประมาณ โครงสร้างพื้นฐาน และโอกาสในการแสดงศักยภาพอีกมาก หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ไทยมีโอกาสยกระดับผลงานให้ทัดเทียมมาตรฐานสากลได้อย่างแท้จริง”

.

การสนับสนุนครั้งนี้ “เถ้าแก่น้อย” ตั้งงบประมาณอัดฉีด 1.55 ล้านบาท แบ่งเป็น เบสบอลประเภททีมชาย รับเงินจำนวน 1,000,000 บาท สำหรับเหรียญทอง และ 300,000 บาทสำหรับเหรียญเงิน และทีมเบสบอล 5 คน รับเงิน 300,000 บาท สำหรับเหรียญทอง และ 150,000 บาท สำหรับเหรียญเงิน โดยทีมเบสบอล 5 คน ทีมชาติไทยสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ นอกจากนี้ ยังมอบโบนัสพิเศษโดยแต่ละเกมของทีมเบสบอลชายถ้าเอาชนะคู่แข่งในแต่ละนัด รับโบนัสไปอีกนัดละ 50,000 บาท

.

พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส นายกสมาคมกีฬาเบสบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อเถ้าแก่น้อยประกาศอัดฉีดให้กับทีมเบสบอลไทย นับเป็นความยินดีอย่างยิ่งและขอขอบพระคุณเถ้าแก่น้อยที่ได้มีส่วนร่วมสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้กับทีมเบสบอลไทย เนื่องจากเบสบอลไทยว่างเว้นจากการครอบครองเหรียญทองในรายการนี้มานานถึง 18 ปี

.

“การมอบเงินอัดฉีดจำนวนนี้ เชื่อว่าจะสร้างขวัญกำลังใจให้กับสมาคมฯ และน้อง ๆ นักกีฬารวมไปถึงสต๊าฟโค้ชเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้รับข่าวนี้ร่วมกัน สมาคมฯ และน้อง ๆ ในทีมพร้อมจะสู้อย่างเต็มที่เพื่อนำเหรียญทองเบสบอลกลับสู่ชาติไทยอีกครั้ง”