“เถ้าแก่น้อย” โหมตลาดตปท.ดันยอด ทุบสถิติกำไรโต70% สูงสุดรอบ 6 ปี

บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN โชว์ความสำเร็จปี 2566 ทำกำไรสุทธิ 743 ล้านบาท เติบโต 70.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี โดยมีอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นในระดับ 14.0% และมีรายได้จากการขาย 5,323.4 ล้านบาท เติบโต 21.9% สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 

จากปัจจัยการเติบโตของธุรกิจสาหร่ายในทุกช่องทางทั้งในและต่างประเทศ ด้านบอร์ดฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมอีก 0.15 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปีจ่ายปันผลอยู่ที่ 0.46 บาทต่อหุ้น เร่งสานต่อกลยุทธ์ “3 GO” เดินหน้าส่งเสริมการตลาดสร้างการรับรู้ให้กับตราสินค้าในตลาดหลักที่สำคัญคือ ไทย จีน อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ตั้งเป้าปี 2567 เติบโต 15%

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 5,323.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.9% และมีกำไรสุทธิ 743.0 ล้านบาท เติบโต 70.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ถือเป็นการเติบโตของยอดขายทำได้สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และกำไรสุทธิที่ทำได้สูงสุดในรอบ 6 ปี โดยมีอัตราการทำกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 14.0% สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของเถ้าแก่น้อยที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในทุกมิติ ภายใต้กลยุทธ์ 3GO ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจสาหร่ายในทุกช่องทางทั้งในและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนรายได้ในประเทศราว 37% และต่างประเทศราว 63%

ความสำเร็จดังกล่าว มาจาก ‘เถ้าแก่น้อย’ เป็นผู้นำตลาดสาหร่ายในประเทศไทย สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพและการทำกิจกรรมทางการตลาดสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ ผลักดันการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีตลาดหลักได้แก่ ประเทศจีน สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย ซึ่งมาจากแบรนด์เถ้าแก่น้อย เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในทุกตลาด จากการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายและโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศจีน

ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากแผนงานขยายตลาด Mainstream ที่ช่วยสนับสนุนให้ยอดขายเติบโตที่ดีเช่นเดียวกับที่อินโดนีเซีย สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลิตภัณฑ์สาหร่ายอบที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและการปรับ Distributor เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลเพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.15 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ทั้งนี้ หากรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วจำนวน 2 งวด ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท ที่จ่ายเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 และในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ที่จ่ายเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ถือหุ้น TKN ได้รับเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในปี 2566 รวมทั้งสิ้น 0.46 บาทต่อหุ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวว่า ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15% โดยบริษัทฯ สานต่อกลยุทธ์ “3GO” อย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ ประกอบด้วย ‘GO Firm’ ปรับองค์กรให้กระชับ ลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่าย (Productivity) อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว ‘GO Broad’ ขยายฐานกลุ่มธุรกิจให้กว้างขึ้นและสร้างคุณค่า รวมถึงยกระดับตราสินค้า (Branding) มุ่งเน้นส่งเสริมการตลาดสร้างการรับรู้ให้ตราสินค้าในตลาดหลักที่สำคัญอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทย จีน อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย และ ‘GO Global’ ขยาย ต่างประเทศให้มีคุณภาพและมีความยั่งยืน (Sustainability) ภายใต้กลยุทธ์การบริหารจัดการที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมดูแล ชุมชนสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต