‘ศูนย์สิริกิติ์’ เผยวีซ่าฟรีหนุน ‘ธุรกิจจีน’ แห่ร่วมงานเทรดแฟร์โตแรง 30%
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดเผยว่า เชื่อว่าด้วยศักยภาพของประเทศไทยสามารถเป็น “มาร์เก็ตเพลซ” (Market Place) ของภูมิภาค เพราะมีสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่จัดงาน และโรงแรมจำนวนมาก พร้อมรองรับการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติในราคาไม่แพง
สำหรับกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตต่อเนื่องและเป็นเป้าหมายในการเชิญชวนมาร่วมงานที่ไทย ได้แก่ กลุ่มซีแอลเอ็มวี (CLMV: กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) โดยในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ของปีนี้ งานแสดงสินค้าหรือเทรดแฟร์ที่เข้ามาจัดในศูนย์ฯสิริกิติ์ พบว่ามีผู้มาออกบูธและผู้เข้าร่วมงานจากกลุ่ม CLMV ตอบรับเป็นอย่างดี
แต่ที่เห็นการเติบโตชัดเจนที่สุดในปีนี้คือประเทศจีน ซึ่งให้ความสนใจเดินทางมาร่วมงานที่ศูนย์ฯสิริกิติ์จำนวนมาก เพิ่มขึ้นกว่า 30% เทียบกับปีที่แล้ว จากจำนวนงานทั้งหมดที่เข้ามาจัดที่นี่
“ปี 2566 มีธุรกิจหรือโรงงานจีนมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าไม่มากนัก แต่ปีนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจจะเกิดจากความสะดวกสบายหลังรัฐบาล ไทย-จีน ประกาศมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) ถาวรระหว่างกัน ในแง่ธุรกิจถือว่ามีประโยชน์มาก แต่เรื่องการดูแลให้ทำถูกต้องตามกฎหมายเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องเข้ามาตรวจสอบและควบคุม ส่วนมาตรฐานของสินค้าจากธุรกิจหรือโรงงานจีนที่นำมาออกบูธ ได้รับการตรวจสอบว่าผ่านมาตรฐานจากประเทศต้นทางแล้ว เพราะหลายสินค้าต้องสัมผัสร่างกายและเป็นอาหารการกิน”
อย่างล่าสุด งาน Food & Hospitality Thailand 2024 จัดระหว่างวันที่ 21-24 ส.ค.2567 เป็นงานสำคัญที่ผู้อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการต้องเข้าเยี่ยมชม เพราะมีการจัดแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นด้านธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 3,000 แบรนด์ จาก 18 ประเทศ พบว่าในงานนี้ได้รับความสนใจจากธุรกิจในต่างประเทศจำนวนมาก โดยเป็นธุรกิจจากจีนครองสัดส่วนการร่วมงานกว่า 30% ของผู้ร่วมงานทั้งหมด
“เราอยากให้รัฐบาลสนับสนุนประเทศไทยเป็นมาร์เก็ตเพลสสำหรับภูมิภาคนี้ เพราะหลังหมดยุคโควิดระบาดพบว่าตลาดต่างประเทศฟื้นตัวชัดเจน ยกเว้นตลาดในประเทศที่ยังมีปัญหาเรื่องการบริโภคภายในประเทศ”
นายศักดิ์ชัย กล่าวด้วยว่า จากเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ปี 2567 ศูนย์ฯสิริกิติ์มุ่งเน้นจัดงานในกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตดี อาทิ งานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ งานสัตว์เลี้ยง งานโออีเอ็ม (OEM) งานสร้างแบรนด์ งานสร้างเจ้าของกิจการ และการขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น ส่งผลให้ศูนย์ฯสิริกิติ์มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 7-8% เมื่อเทียบกับปี 2566
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้